พระบรมศาสดาจึงนำเหล่าภิกษุสงฆ์เสด็จพุทธดำเนินข้ามแม่น้ำหิรัญญวดีในเมืองกุสินารานคร
แล้วเสด็จเข้าไปประทับ ณ สาลวันอุทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ใกล้เมือง กุสินารานคร
แคว้นมัลละ โปรดให้พระอานนท์ปูลาดเตียงที่บรรทม ณ ระหว่างไม้รัง ต้นสาละ ทั้งคู่
แล้วเสด็จบรรทมสีหไสยา เป็นการนอนอย่างราชสีห์ คือนอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า
มือซ้ายพาดไปตามลำตัว มือขวาช้อนศีรษะไม่พลิกกลับไปมา มีสติสัมปชัญญะ
แต่มิมีอุฏฐานสัญญามนสิการ คือ ไม่มีพุทธประสงค์จะลุกขึ้นอีกต่อไป
เนื่องจากเป็นไสยาวสาน คือ นอนครั้งสุดท้ายจึงนิยมเรียกว่า อนุฏฐานไสยา
คือนอนโดยไม่ลุกขึ้นอีก
ในเวลานั้น พระอานนท์เถระเจ้าได้กราบทูลว่า
"ในกาลก่อนเมื่อออกพรรษาแล้ว
บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายในทิศต่าง ๆ ได้เข้าใกล้ สนทนาปราศัยได้ความเจริญใจ
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
ข้าพระองค์ทั้งหลายจักไม่ได้โอกาสอันดีเช่นนั้น
เหมือนกับเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่อีกต่อไป"
เมื่อพระอานนท์กราบทูลเช่นนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบลนี้
เป็นสถานที่ควรแก่ความสังเวช เมื่อผู้มีศรัทธาได้ไปยังสถานที่ ๔
แห่งนี้ด้วยความเลื่อมใสเมื่อทำการกิริยา คือ ตายลงแล้ว จักได้ถึงสุคติ
ไปเกิดในโลกสวรรค์ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ อันได้แก่
๑. สถานที่พระพุทธองค์ประสูติจากพระครรภ์
๒.
สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๓. สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักร
๔. สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน
อนึ่ง สังเวชนียสถาน มีความหมายถึง
เป็นสถานที่ตั้งแห่งความสังเวช แต่คำว่าสังเวชในทางธรรมนั้น มีความหมายลึกซึ้งกว่าความหมายของคำว่าสังเวชที่พบเห็นกันทั่ว
ๆ ไป กล่าวคือ ในทางธรรมหมายถึง ความรู้สึกสลดใจที่ทำให้คิดได้ถึงพระไตรลักษณ์
คือ ความเป็นอนิจจัง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ความทุกข์สลดใจ ความยึดมั่นถือมั่นไว้ไม่ได้ ทำให้จิตใจหันมานึกถึงสิ่งที่ดีงามเกิดความไม่ประมาท
เพียรพยายามทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป จึงจะเรียกว่า สังเวช
๑. สถานที่พระพุทธองค์ทรงมีพระประสูติกาลจากพระครรภ์พระมารดา
คือ อุทยานลุมพินี ตั้ง อยู่กึ่งกลางระว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ
กรุงกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะ กรุงเทวทหะเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกลิยะ
ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเนปาลห่างชายแดนภาคเหนือของประเทศอินเดีย ๖ กิโลเมตรครึ่ง
บัดนี้เรียกว่า รุมมินเด
สถานที่ทรงประสูติ-เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช
๒.
สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ใต้ร่มไม้พระศรีมหาโพธิ์
ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ
ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ ที่ตำบลพุทธคยา รัฐพิหารประเทศอินเดีย
มหาเจดีย์ที่พุทธคยา-สถานที่ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๓. สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักร คือ
สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ทางทิศเหนือของเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ปัจจุบันนี้เรียกว่า สารนาถพาราณสี
บัดนี้เรียกว่า วาราณสี ประเทศอินเดีย
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
สารนาถพาราณสี-สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร
๔. สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน
คือ ที่สาลวโนยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ปัจจุบันี้เรียก เมืองกาเซีย
จังหวัดโครักขปุระ ประเทศอินเดีย
สาลวโนยาน เมืองกุสินารา
แคว้นมัลละ-สถานที่ปรินิพพาน
สถานที่ทั้ง ๔ ตำบลนี้แล ควรที่พุทธบริษัท
คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีความเชื่อความเลื่อมใสในพระตถาคตเจ้า
จะดูจะเห็นและควรจะให้เกิดความสังเวชทั่วกัน"